การเลือกซื้อไข่มุก
การประเมินมูลค่าของไข่มุก สิ่งแรกที่ควรรู้คือประเภทของไข่มุก ซึ่งมีลักษณะเฉพาะและมาตรฐานด้านราคา โดยทั่วไปไข่มุกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ไข่มุกน้ำจืดและไข่มุกน้ำเค็ม ไข่มุกน้ำเค็มที่รู้จักกันดี มี 3 ชนิด คือ มุก Akoya, Southsea, Black Southsea/Tahiti ในบรรดาไข่มุกหลากหลายชนิดไข่มุกน้ำเค็มมีมูลค่ามากกว่าไข่มุกน้ำจืด นอกจากนี้ไข่มุกยังแบ่งออกเป็น ไข่มุกธรรมชาตื ไข่มุกเลี้ยง ไข่มุกธรรมชาติมีมูลค่าสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีมูลค่าดีกว่าไข่มุกเลี้ยง แต่เป็นเพราะความหายากต่างหาก
ในการประเมินคุณค่าของไข่มุก สิ่งที่ต้องตรวจดูคือ ความวาวของผิว (Luster) คุณภาพหรือความหนาขอเนเคอร์ (Nacre) ขนาด รูปร่าง สี และ คุณภาพผิวของไข่มุก
ความวาวของไข่มุกเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ความวาวคือปริมาณแสงที่ไข่มุกสะท้อนออกมาก ไข่มุกที่มีความวาวสูงจะสะท้อนความวาวได้ชัดเจนจากผิวมุก ไข่มุกต่างชนิดจะมีความสามารถในการสะท้อนความวาวต่างกัน ในบรรดามุกน้ำเค็ม ไข่มุก Akoya มักมีความวาวมาก
ความวาวและคุณภาพของชั้นมุกมีความเกี่ยวข้องกันมากถ้าหากไข่มุกขุ่นมัว ผิวด้าน อาจมีชั้นมุกบาง ซึ่งส่งผลต่อความวาและความคงทนของไข่มุก
หากทุกสิ่งทุกอย่างเท่าเทียมกัน ไข่มุกที่มีขนาดใหญ่จะมีมูลค่ามากกว่า สำหรับไข่มุกขนาดใหญ่กว่า 8-9มม. ราคาไข่มุกมักจะเพิ่มสูงขึ้นมาก ไข่มุกต่างชนิดกันจะมีขนาดแตกต่างกัน ไข่มุกเลี้ยง Southsea มีขนาดใหญ่ที่สุด
โดยทั่วไปผู้เชี่ยวชาญไข่มุก จะแบ่งรูปร่างไข่มุกเป็น 4 แบบหลัก คือ รูปร่างกลมและมีสมมาตร รูปร่างกลมแบนหรือกลมรีเล็กน้อย รูปร่างไม่กลมอย่างชัดเจน รูปร่างแปลกๆและรูปร่างบิดเบี้ยวอย่างชัดเจน ไม่มีสมมาตร ไข่มุกที่ราคาแพงที่สุดคือไข่มุกรูปร่างกลมมีสมมาตรและเป็นรูปทรงที่แสดงความสวยงามของไข่มุกได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามไข่มุกรูปทรงอื่นๆ ก็มีเอกลักษณ์และนำมาสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับที่น่าสนใจได้เช่นกัน
ไข่มุกมีสีหลากหลายตั้งแต่สีขาวจนถึงสีดำ โดยสีของไข่มุกเกิดจากการผสมผสานของสีพื้น โทนสี และสีเหลือบประกายรุ้งบนผิวไข่มุก สีพื้นของไข่มุกมักถูกผสมไปกับโทนสีต่างๆ อย่างสีชมพู สีเขียว สีม่วง และสีฟ้า สีพื้นที่คุ้นเคยกันมากที่สุดคือ สีขาว และสีครีม แต่สีดำ สีเทา สีเงิน ก็เป็นที่รู้จักเช่นเดียวกัน และมีทุกโทนสี ความชื่นชอบสีเป็นเรื่องของแต่ละคน ส่วนใหญ่ผู้คนจะเลือกสีที่เข้ากับผิวธรรมชาติของตนเอง
ไข่มุกที่มีผิวเรียบสะอาด สามารถสะท้อนประกายความแวววาวได้เท่ากันทั่วทั้งเม็ด ดังนั้นจึงมีราคาสูงกว่าไข่มุกที่มีรอยหรือตำหนิ อย่างไรก็ตามตำหนิหรือรอยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติบนผิวมุก ก็ไม่เป็นผลเสียต่อไข่มุก ในทางกลับกัน การที่ไข่มุกมีรอยหรือตำหนิตามธรรมชาติบางส่วน สามารถช่วยให้รู้ว่าไข่มุกเม็ดนั้นๆเป็นของแท้